วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วัดล้านขวด

สวัสดีคะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ วัดล้านขวด เหมาะสำหรับคนชอบทำบุญ สายบุญ และชอบสิ่งที่แปลกใหม่ เราไปชมกันเลยจ๊าาา


วัดล้านขวด



วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดล้านขวด ตั้งอยู่ที่บ้านดอน ตำบลโนนสูง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ชื่อว่า “วัดล้านขวด” ก็เพราะสถานที่ต่างๆ ภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูทางเข้า ลานจอดรถ โบสถ์ ศาลา หอระฆัง กุฏิ หรือแม้แต่ห้องน้ำ ต่างถูกประดับประดาด้วยขวดแก้วหลากสีหลายแบบรวมกันกว่า 1.5 ล้านใบ ซึ่งความคิดเช่นนี้ไม่ได้เป็นของนักออกแบบหรือศิลปินท่านใด แต่มาจากพระภิกษุรูปหนึ่ง นามว่า “พระครูวิเวกธรรมาจารย์” หรือ “หลวงปู่ลอด” ที่ครั้งหนึ่งได้เข้าไปพักปักกลดในป่าช้าหนองใหญ่ (ที่ตั้งวัดล้านขวดในปัจจุบัน) โดยในระหว่างนั้นมีญาติโยมและชาวบ้านแวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ทำให้หลวงปู่เกิดความคิดที่จะสร้างวัดขึ้นบนพื้นที่ป่าช้าแห่งนี้ แต่เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงมีขยะจำพวกขวดอยู่มาก ซึ่งท่านเห็นว่าขวดเหล่านั้นมีสีต่างๆ สามารถนำไปตกแต่งอาคารได้อย่างสวยงาม และยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าสี ค่ากระเบื้องได้อีก หลวงปู่จึงทำการรวบรวมขวดจากหมู่บ้านในละแวกวัด และจากหมู่บ้านใกล้เคียง นำมาสร้างกุฏิหลังแรก ต่อมาเมื่อวัดล้านขวดเป็นที่รู้จักทั่วไป คนในจังหวัดใกล้เคียงก็ได้หลั่งไหลเข้ามาสู่วัด โดยต่างคนต่างก็นำขวดติดไม้ติดรถมาบริจาคด้วย จากนั้นอาคารต่างๆ ก็ได้ทยอยถูกสร้างขึ้น กระทั่งวัดล้านขวดกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์ดังเช่นในปัจจุบัน
 ด้วยความแปลกใหม่ของวัสดุที่ใช้ตกแต่งอาคารสถานที่ zทำให้วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือวัดล้านขวดกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวในอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีษะเกษ สำหรับผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเป็นครั้งแรกคงจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เมื่อได้พบเห็นสิ่งปลูกสร้างรอบตัวถูกประดับประดาด้วยขวดแก้วหลากสีสันโดยเฉพาะ ศาลาฐานสโมสรเจดีย์แก้ว และ สิมน้ำ ซึ่งงดงามอลังการด้วยขวดจำนวนนับแสนใบ ที่นี่นอกจากจะได้ชื่นชมศิลปะการสลับสีขวดเป็นลวดลายต่างๆ บนอาคารแล้ว ผู้มาเยือนยังจะได้ทึ่งกับความคิดในการนำฝาขวดมาปะติดจนได้ภาพพุทธประวัติที่ไม่เหมือนที่ใดอีกด้วย
การเดินทางไปยังอำเภอขุนหาญ : จากตัวเมืองศรีสะเกษ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 211 และ 2111 ระยะทางประมาณ 61 กิโลเมตร

สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปเที่ยวสถานที่นี้ก็สามารถไปตามที่อยู่ด้านบนเลยจ๊าาา

วัดพระธาตุสุพรรณหงส์

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ 



วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ หรือวัดบ้านหว้านตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหว้าน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง ตั้งอยู่ห่างจาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 10 กิโลเมตร อีกหนึ่งวัดสวยที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยความโดดเด่นของพระอุโบสถที่ก่อสร้างบนเรือสุพรรณหงส์จำลอง ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถกว้าง 5 เมตร ยาว 13.60 เมตร หลังคาทรงจัตุรมุข 3 ชั้น มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และด้วยความสวยงามโดดเด่นของวัดแห่งนี้จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม


น้ำตกสำโรงเกียรติ

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ น้ำตกสำโรงเกียรติ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


น้ำตกสำโรงเกียรติ




น้ำตกสำโรงเกียรติ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ในท้องที่ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 81 กิโลเมตร น้ำตกสำโรงเกียรติ เดิมชื่อว่า “น้ำตกปีศาจ” ซึ่งตั้งตามชื่อหน่วยทหารพรานที่มีสมญานามว่า “หน่วยปีศาจ” ซึ่งได้ใช้น้ำตกแห่งนี้เป็นที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการ กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2549 เมื่อมีการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกปีศาจก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “น้ำตกสำโรงเกียรติ” ตามชื่อหมู่บ้านนับแต่บัดนั้น
น้ำตกสำโรงเกียรติ มีต้นกำเนิดจากภูเขากันทุง บนเทือกเขาบรรทัด เป็นน้ำตกขนาดกลาง ตกจากหน้าผาสูง 8 เมตร ลักษณะอันโดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ ที่ด้านบนของน้ำตกจะเป็นธารน้ำซึ่งไหลไปตาม ลานหิน ดูสวยงามมากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน สำหรับบรรยากาศโดยรอบน้ำตกนั้นร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ เหมาะแก่การทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะเป็นการปูเสื่อนั่งรับประทานอาหาร การลงเล่นน้ำ หรือการถ่ายภาพทิวทัศน์อันสวยงามของน้ำตกตามจุดต่างๆ
เช่นเดียวกับน้ำตกหลายๆ แห่ง น้ำตกสำโรงเกียรติจะมีสายน้ำไหลชุ่มฉ่ำให้สัมผัสกันอย่างจุใจในช่วงหน้าน้ำ โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน – กุมภาพันธ์ของทุกปี
วันและเวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น.


ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำศรีสะเกษอควาเรียม

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษอควาเรียม  เราไปชมกันเล๊ยยยจ๊าาา



ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษอควาเรียม

ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษอควาเรียม ตั้งอยู่ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) ในท้องที่ตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งแรกในภาคอีสานตอนใต้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดไปในตัว ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554 ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ
ภายในอาคารศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ มีการจัดโซนปลาให้ได้ชมทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด และปลาสวยงาม ซึ่งที่นี่มีพันธุ์ปลามากกว่า 100 ชนิด จำนวนรวมกว่า 4,000 ตัวเลยทีเดียว ทั้งนี้พันธุ์ปลาต่างๆ ได้ถูกจัดแสดงในตู้หลายขนาด มีตั้งแต่ขนาดทั่วๆ ไป จนถึงขนาดใหญ่ราวจอภาพยนตร์ ที่สำคัญคือ แต่ละตู้จะมีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับปลาชนิดนั้นๆ กำกับอยู่ ผู้มาเยือนจึงได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน
อุโมงค์แก้วใต้น้ำ ถือเป็นบริเวณที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากตลอดระยะทาง 24 เมตร ของอุโมงค์ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามและความน่ารักของปลาน้อยใหญ่อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีโอกาสได้ชมการแสดงดำน้ำ ให้อาหารปลาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 14.00 น. ของทุกวัน
หลังจากที่ได้เพลิดเพลินกับการชมพันธุ์ปลา ศรีสะเกษอควาเรียม ยังมีบริการ “สปาปลา” ให้นักท่องเที่ยวได้ลองสัมผัส และมีมุมของที่ระลึกให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก ก่อนเดินทางกลับ
การเดินทาง: จากตัวเมืองศรีสะเกษ ให้ใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมืองไปทางอำเภอขุขันธ์ ซึ่งศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ จะอยู่ฝั่งขวามือของถนนเลี่ยงเมือง ในท้องที่ตำบลหนองครก


สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์


สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


                                               สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์








สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ เป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษาแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ติดกับบริเวณวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ มีเนื้อที่ 237 ไร่ ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นประธานเปิดสวนแห่งนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2524

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ เป็นที่ราบมีความสูงต่ำตามลักษณะเดิมของบริเวณ ภายในสวนมีลำห้วยธรรมชาติ 2 สาย คือ ห้วยปูนใหญ่ และห้วยปูนน้อย ไหลมาบรรจบกันที่ด้านเหนือของสวนซึ่งมีฝายกั้นเป็นที่เก็บกักน้ำเพื่อความสวยงาม เป็นสวนน้ำเพื่อการพักผ่อนอย่างสงบโดยรอบและใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับระบบชลประทาน


พื้นที่เดิม เป็นป่าละเมาะธรรมชาติที่อุดมด้วยพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งประดู่ พยุง ตะแบก มังคุดป่า ชะพวงและมะส้าน โดยเฉพาะต้นลำดวนที่มีขึ้นอยู่มากมายในพื้นที่ ประมาณได้มากถึง 50,000 ต้น จากการสร้างสวนนี้เองที่จังหวัดศรีสะเกษได้นำต้นลำดวนมาเป็นต้นไม้ประจำจังหวัด โดยที่พื้นที่เดิมมีส่วนหนึ่งที่เป็นป่าธรรมชาติที่มีสัตว์ป่าและนกอยู่อาศัยอยู่เดิมแล้วเป็นจำนวนมากและหลากหลายชนิด เช่น กระรอก กระแต อีเห็นลายจุด พังพอน รวมทั้งกระจง ผู้ออกแบบวางผังจึงกำหนดให้คงไว้เป็นแหล่งพักพิงของสัตว์ป่า

สมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นประธานเปิดสวนเมื่อ พ.ศ. 2524


สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ เป็นสวนที่มีความเป็นธรรมชาติมากเนื่องจากเดิมเป็นป่าอยู่แล้ว จึงมีความร่มรื่นและสวยงามเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบผ่อนคลายและแบบกระฉับกระเฉงที่สามารถเดินหรือวิ่งเหยาะไปตามถนนวงรอบที่กว้างและร่มรื่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด

วัดพระโตหรือวัดมหาพุทธาราม

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ วัดพระโตหรือวัดมหาพุทธาราม เราไปชมกันเล๊ยยยยยย



                                           วัดพระโตหรือวัดมหาพุทธาราม





วัดมหาพุทธาราม ได้ชื่อว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษ ก็เนื่องจากในระหว่างการบุกเบิกพื้นที่เพื่อสร้างเมืองใหม่ คือจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน มีคนไปพบ “หลวงพ่อโต” ประดิษฐานอยู่ใจกลางป่าแดงโดยบังเอิญ จึงได้สร้างวัดขึ้นบริเวณที่พบองค์พระพุทธรูป และตั้งชื่อว่า “วัดพระโต หรือ วัดป่าแดง” กระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดมหาพุทธาราม” ในปี พ.ศ. 2494
วัดมหาพุทธาราม ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งหลาย เป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของคณะสงฆ์ ปัจจุบัน วัดมหาพุทธาราม ได้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดด้วย โดยตัววัดนั้น ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเหนือ ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากสถานีรถไฟศรีสะเกษประมาณ 500 เมตร สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองศรีสะเกษ กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองอย่าง “หลวงพ่อโต” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ภายในวัดมหาพุทธารามแห่งนี้ หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร มีลักษณะเด่นคือ พระพักตร์กลมกว้างและพระโอษฐ์หนา สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอมซึ่งมีอายุร่วมพันปีมาแล้ว แต่มาสร้างเพิ่มเติมขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
วิหารหลวงพ่อโต เป็นวิหารขนาดใหญ่ กว้าง 14 เมตร ยาว 40 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 ภายในวิหารมีความใหญ่โตโอ่โถง ผนังโดยรอบประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ดูสวยงามยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นพระวิหารที่ยิ่งใหญ่ งดงาม สมดั่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง


น้ำตกวังใหญ่

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ น้ำตกวังใหญ่ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


น้ำตกวังใหญ่



น้ำตกวังใหญ่ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก บ้านก่อ หมู่ที่ 7 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

น้ำตกวังใหญ่..ศรีสะเกษ น้ำตกวังใหญ่ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก บ้านก่อ หมู่ที่ 7 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก รอบน้ำตกก็จะเป็นความงามตามธรรมชาติน้ำตกที่สวยงาม รอบ ๆ บริเวณเติมเเต่งเพิ่มความสวยงามทิวทัศน์ตวามธรรมชาติ ท่องเที่ยวได้ตลอดปี เป็นน้ำตกที่มีลำธารไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก น้ำตกมีความสูงประมาณ 5 เมตร สามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดเเนวน้ำตกและยังสามารถศึกษาพืขสมุนไพร ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด ในเขตเทือกเขาพนมดงรักในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว จะน่าเที่ยวมากที่สุด
การเดินทาง : ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มุ่งหน้าทางใต้ไปยังเส้นทาง 221 วิ่งผ่าน 1 วงเวียน 900 ม. เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ เส้นทาง 221 21.4 กม. เลี้ยวขวา เข้าสู่ เส้นทาง 2335 22.9 กม. เลี้ยวซ้าย 1.8 กม. เลี้ยวซ้าย 10.3 กม.


วัดสระกําแพงใหญ่


สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ วัดสระกําแพงใหญ่ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


วัดสระกําแพงใหญ่



ปราสาทสระกำแพงใหญ่สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธแบบมหายานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป จากการขุดแต่บูรณปราสาทแห่งนี้ ของกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2532 ได้ค้นพบปฏิมากรรมสำริดขนาดใหญ่เฉพาะองค์สูง 140 เซนติเมตร และรวมความสูงทั้งฐาน 180 เซนติเมตร ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ให้ความเห็นว่าเป็นรูปของนันทิเกศวร หรือ นันทีศวร ลักษณะพิเศษ คือเป็นสำริดกะไหล่ทอง เดิมอาจจะตั้งอยู่หน้าปราสาทหลังกลางภายในมุขหน้าปราสาท เพราะโดยปกติจะประจำอยู่กับเทวาลัยของพระอิศวร ปฏิมากรรมชิ้นนี้เป็นศิลปะขอมแบบบาปวนตอนปลาย สำคัญมากนับเป็มปฏิมากรรมชิ้นเอกชิ้นหนึ่งที่พบในประเทศไทย ปัจจุบันจัดแสดงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ความเป็นมาของปราสาทสระกำแพงใหญ่ ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าสร้างขึ้นมาในสมัยใดหรือศักราชใด ถึงแม้จะพบจารึกที่โบราณสถานแห่งนี้ ข้อความในจารึกกล่าวถึงการซื้อที่ดินถวายแก่เจ้านายผู้ล่วงลับคือ "กมรเตงชคตศรีพฤทเธศวร" ไม่ได้กล่าวถึงการสร้างปี พ.ศ. 1585 ที่ปรากฏในจารึกไม่ใช่ปีที่สร้างปราสาท ระยะดังกล่าวในกัมพูชาเป็นสม้ยที่พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ครองราชย์ แต่มิได้หมายถึงพระองค์เป็นผู้สร้าง จากการศึกษาลาดลายต่างๆทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ปราสาทสระกำแพงใหญ่ น่าจะมีอายุอยู่ในศิลปะเขมรแบบคลังต่อบาปวน หรือประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 16 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16 ตอนปลาย
ปราสาทสระกำแพงใหญ่เป็นศาสนสถานแบบเขมร ทั้งในด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม รวมทั้งความเชื่อในการนับถือศาสนาจากหลักฐานที่ปรากฏสันนิษฐานว่าเดิมเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู โดยดูจากทับหลังที่สลักภาพบุคคลเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวข้องกับความเชื่อในศาสนาฮินดู ภายหลังเมื่อพระพุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้จึงเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธโดยได้ขุดพบพระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ สูง 1.33 เมตร
โบราณสถานประเภทปราสาทหิน โดยทั่วไปจะมีทับหลังตั้งอยู่เหนือกรอบประตูทางเข้าเสมอ ทับหลังนี้เป็นภาพจำหลักเล่าเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคติความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา ภาพจำหลักทับหลังปราสาทหินสระกำแพงใหญ่เป็นศิลปะเขมรแบบคลังต่อบาปวน ที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ทับหลังที่พบที่ปราสาทหินสระกำแพงใหญ่มี่มากถึง 13 แผ่นอยู่ภายในบริเวณปราสาทสระกำแพงใหญ่ ทับหลังที่น่าสนใจได้แก่
1.ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์
2.ทับหลังพระกฤษณะประลองกำลังกับม้า
3.ทับหลังพระศิวะทรงโคนนทิ
4.ทับหลังคชลักษมี
5.ทับหลังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
6.ทับหลังหนุมานถวายแหวน





หาดนางเหงา

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ หาดนางเหงา เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


 หาดนางเหงา
ที่มา : www.google.com/search?q=หาดนางเหงา+อําเภอกันทรารมย์+ศรีสะเกษ&hl


ย้อนรอยตำนานหาดนางเหงา ย้อนอดีตปางหลัง ครั้งเมื่อท้าวอินทะสะเกษครองเมือง “ ขุขันธ์คีรีศรีนครลำดวน” ก่อนจะมาปรากฏเป็น “ เมืองศรีสะเกษเขตดงลำดวน” หรือในนามจังหวัดศรีสะเกษ ท้าวอินทะสะเกษ ผู้ครองเมืองขุขันธ์ ได้ยินข่าวความงดงามของนาง “เจียงได” ลูกสาวเจ้าเมือง “ชี้ช้วน” หรือ หมู่บ้าน “ชีทวน” ปัจจุบันในท้องที่อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ว่านางเจียงไดนั้นสวยสดงดงามยิ่งนัก ข่าวยิ่งนัก ข่าวล่ำลือไปหลายหัวเมือง ท้าวอินทะสะเกษจึงยกทัพพาไพร่พลออกจากเมืองขุขันธ์ ข้ามลำน้ำมูล หวังจะไปสู่ขอนางเจียงได ลูกสาวเจ้าเมือง ชี้ช้วน 
โดยยกทัพข้ามลำน้ำมูลมาตรง “ท่าหลวง” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านเทิน ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ในปัจุบัน กองทัพเมืองขุขันธ์ศรีสะเกษ พักนอนตรงชายทุ่งเทิน ส่งม้าเร็วไปสืบความที่เมือง “ ชี้ช้วน” ทันที ม้าเร็วกลับมาบอกว่านางเจียงไดมีคู่หมั้นหมายเสียแล้ว หมั้นไว้กับ “ ท้าวกาละหงษ์” เจ้าเมือง “ พะนา” ปัจจุบันคืออำเภอพนา จังหวัดอุบลราชธานี ท้าวอินทะสะเกษโกรธมาก จึงยกทัพเข้าชิงนางทันที และได้นางเจียงไดมาไว้ในครองครอง แล้วถอนทัพมาตั้งที่หมู่บ้าน “ เมืองน้อย ” เพื่อรับศึกท้าว “ กาละหงษ์” 
เจ้าเมืองพะนา ท้าวกาละหงส์ ยกทัพติดตามนางเจียงไดในคืนนั้นทันที จึงเกิดศึกชิงนาง ระหว่างท้าวอินทัสะเกษ เจ้าเมืองขุขันธ์ กับท้าวกาละหงส์ เจ้าเมืองพะนา รบราฆ่าฟันกันอยู่หลายปีทีเดียว สนามรบฝ่ายศรีสะเกษ คือบ้านเมืองน้อย กองทัพเมืองพะนา ตั้งอยู่ที่บ้านลาดทราย หรือบ้านละทาย ในปัจจุบัน ท้าวอินทะสะเกษ อยู่กับนางเจียงไดมานานจนคลอดบุตรเป็นชายเจ้าเมืองขุขันธ์ ดูหน้าตาลูกแล้วไม่เหมือนตัว รูปชั่วตัวเหมือนลิง ครุ่นคิดว่าเป็นลูกของ กาละหงส์ เมืองพะนา บ้านป่าเมืองลิง จึงให้บ่าวไพร่จัดทำแพ เพื่อจำนำลูกน้อยไปไหลล่องแม่น้ำมูลหนีไปให้ไกลตา ทั้งๆ ที่นางเจียงไดไม่ยินยอม 
นางเจียงไดเดินลัดเลาะริมฝั่งแม่น้ำมูล เพื่อดักรอแพลูกน้อยจะล่องผ่าน นางจึงมาปักหลักรอพบแพลูกล่องตรง “ ท่านางเหงา ” คือท่าสะพานข้ามมูลในปัจจุบัน คนทั้งหลายจึงเรียกท่านี้ว่า “ ท่านางเหงา” หรือ “ หาดนางเหงา ” เพราะนางโศกเศร้าเสียใจร้องห่มร้องไห้เกินที่จะบรรยาย นี่แหละคือที่มาอันวิปโยคโศกเศร้าเหงาใจ ผู้คนจำไว้เถิดหนา ท่านางเหงา หรือ หาดนางเหงา ในปัจจุบัน



วัดสระกําแพงน้อย


สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ วัดสระกําแพงน้อย เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


                                                             วัดสระกําแพงน้อย



ปราสาทหินสระกำแพงน้อย ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงน้อย ติดกับถนนสายอุทุมพรพิสัย-ศรีสะเกษ (หมายเลข 226) ในเขตตำบลขยุง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18
ปราสาทสระกำแพงน้อย เป็นปรางค์เดี่ยวสร้างด้วยศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม สูงประมาณ 11 เมตร ศิลปะการก่อสร้างแบบขอม ใช้เป็นเทวสถานสำหรับบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ คือ
1.ปราสาทประธาน
2.วิหาร 
3.กำแพงแก้ว
4.ซุ้มประตู
5.สระน้ำ


โบราณสถานแห่งนี้ เป็นอโรคยาศาล หรืออโรคยศาลา (โรงพยาบาล) หนึ่งในจำนวน 102 แห่ง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โปรดให้สร้างขึ้นทั่วราชอาณาจักรในราวพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1724 - พ.ศ. 1761) ก่อด้วยศิลาแลง และหินทราย ตัวปรางค์ประธาน ยังค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ขาดการบูรณะ ส่วนโคปุระหรือกำแพงแก้วพังทลาย แต่ยังมีองค์ประกอบครบถ้วน ทั้งทับหลัง และโครงสร้างอื่นๆ แต่ยังไม่ได้รับบูรณะและปรับแต่ง

ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki




หอคอยศรีลําดวนเฉลิมพระเกียรติ


สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ หอคอยศรีลําดวนเฉลิมพระเกียรติ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


หอคอยศรีลําดวนเฉลิมพระเกียรติ



หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ เป็นหอคอยชมวิวเมืองศรีสะเกษ ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำกลางห้วยน้ำคำ มีจำนวนชั้น 16 ชั้น ความสูงรวม 84 เมตร ชั้นล่างเป็นนิทรรศการจัดแสดงประวัติ สถานที่สำคัญ บุคคลสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษ ด้านบนสุดของหอคอยเป็นห้องโถงสามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ ซึ่งสามารถมองเห็นพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษได้อย่างสวยงามรอบทุกทิศทาง รวมทั้งสามารถเห็นพื้นที่เกาะกลางน้ำ ห้วยน้ำคำ และ สวนเฉลิมพระเกียรติฯในมุมสูงได้ ที่กระจกแต่ละด้านของยอดหอคอยจะติดชื่ออำเภอ รวมทั้งสถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ในทิศที่มองออกไปด้วย

หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ หอคอยสูงสำหรับชมวิวสวยของตัวเมืองศรีสะเกษ ตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ถนนขุขันธ์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โดยเสียค่าบำรุงสถานที่ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาทำหนังสือส่งถึงนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษล่วงหน้าก่อนเข้าชม




แพบ้านแก้ง


สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ แพบ้านแก้ง เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


                                                           แพบ้านแก้ง


หาดบ้านแก้ง ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหาดที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่ไหลผ่าน จ.ศรีสะเกษ นางกัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดศรีสะเกษและคณะ ได้เดินทางไปดูสภาพการเตรียมการรับนักท่องเที่ยวในช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ 2560
ท่ามกลางสภาพอากาศของจังหวัดศรีสะเกษค่อนข้างร้อนจัด ทำให้มีบรรดานักท่องเที่ยว จำนวนมากพากันไปนั่งในแพอาหารที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าสร้างยื่นเข้าไปกลางลำน้ำมูล เพื่อให้บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแก่นักท่องเที่ยว เพื่อพักผ่อนและเล่นน้ำคลายร้อนโดยมีการนำเอาวงดนตรีมาแสดงบนแพให้นักท่องเที่ยวได้ชมพร้อมทั้งรับประทานอาหารไปด้วย อาหารที่ได้รับความนิยมมากจะเป็นปลาเผา กุ้งเผา ต้มปลา ก้อยไข่มดแดง ส้มตำ แมลงทอด บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานคึกคักมาก นางกัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการดูสภาพความพร้อมของร้านอาหารต่างๆแล้วพบว่า แพอาหารได้มีการสร้างใหม่ให้มีความคงทนแข็งแรงมากโดยมีการนำเอาถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร และมีเหล็กเป็นโครงสร้างของแพ จากเดิมที่สร้างแพด้วยไม้ไผ่ ขณะนี้มีแพอาหารจำนวนประมาณ 250 แพ และมีร้านอาหารประมาณ 12 ร้านซึ่งตนได้ฝากขอความร่วมมือจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ให้ทิ้งเศษอาหารลงไปในแม่น้ำมูลเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม หากสกปรกรกรุงรังจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำแห่งนี้อาจจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเล่นน้ำส่วนราคาอาหารก็ได้เตือนร้านจำหน่ายอาหารไม่ให้ขายอาหารราคาแพงเกินไป เพราะจะเป็นการฉวยโอกาสเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ทางด้าน นางลัดดาวัลย์ ศรีแก้ว อายุ 42 ปี เจ้าของร้านอาหารเจ๊บาง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ตนได้ทำแพอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวน 20 แพ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 30 แพ รวมเป็น 50 แพ เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับให้บริการนักท่องเที่ยวซึ่งในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนและปิดภาคเรียน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำคลายร้อนจำนวนมาก ขณะนี้บรรดาเจ้าของแพอาหารกำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากว่า มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั่งแพและสั่งอาหารเครื่องดื่มรับประทานแล้ว หลบหนีขึ้นฝั่งไปโดยไม่จ่ายค่าอาหารจำนวนมาก เดือนละประมาณ 5 – 10 ราย รวมเป็นเงินรายละประมาณ 1,000 – 1,500 บาท เดือนละประมาณ 10,000 บาทเศษพวกตนจึงได้แก้ไขปัญหาโดยเมื่อนำอาหารและเครื่องดื่มไปส่งให้ครบหมดแล้วก็จะขออนุญาตเก็บเงินค่าอาหารทันที เพื่อความสะดวกทั้ง 2 ฝ่าย แม้ว่าจะขอเก็บเงินแล้ว แต่ก็ยังคงสามารถนั่งรับประทานอาหารและเล่นน้ำต่อไปได้จนกว่าจะเลิกเล่นน้ำไปเอง 



น้ำตกภูละออ

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ น้ำตกภูละออ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย


                                                         น้ำตกภูละออ 



น้ำตกภูละออตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าพนมดงรัก มีพื้นที่ ติดตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ น้ำตกภูละออเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว จึงยังไม่มีนักเขาไปเที่ยวชมมากนัก ป่าบริเวณนั้นก็ยังไม่ถูกทำลายซึ่งสภาพป่ายังคงความเป็นธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบรูณ์ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และมีน้ำตกที่สวยงามในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ ทางเดินเท้าจากบริเวณลานจอดรถถึงน้ำตก ในระยะทางไปกลับประมาณ 4 กิโลเมตร ได้รับการพัฒนาให้เป็นเส้นทางที่ให้ความรู้เรื่องพืชพันธุ์และสภาพภูมิประเทศ ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวในลักษณะเดินป่าศึกษาธรรมชาติของนักท่องเที่ยวที่ต้องการชื่นชมธรรมชาติที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้แล้วบริวเณรอบๆน้ำตกภูละออยังได้รับการพัฒนาให้เป็นเส้นทางที่ให้ความรู้เรื่องพืชพันธุ์และสภาพภูมิประเทศ ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวในลักษณะเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง

เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่น้ำตกภูละออ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ตำบลเสาธงชัย การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 221 (กันทรลักษ์-ผามออีแดง) ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร ถึงบ้านภูมิซรอล-น้ำตกสำโรงเกียรติ ประมาณ 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายสู่น้ำตกภูละอออีก 2.5 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย




น้ำตกนาตราว

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ น้ำตกนาตราว เราไปชมกันเล๊ยยยยยย



                                                        น้ำตกนาตราว




น้ำตกนาตราว ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ในท้องที่ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

น้ำตกนาตราว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมากน้ำไหลผ่านผลาญหิน ความสูงประมาณ 18 เมตร เป็นน้ำตกที่อยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม มีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว การคมนาคม ระยะทางจากแยกถนน รพช. บ้านโคกตาล - บ้านไพรพัฒนา (บริเวณแยกบ้านโนนจำปา) ประมาณ กม. เป็นถนนลูกรังสลับกับมีหินโผล่ ค่อนข้างขรุขระและลำบาก ประมาณ 14 กิโลเมตร และเดินทางต่ออีกประมาณ 3 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวผู้สนใจสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าไปเที่ยวชมได้ โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาเป็นผู้นำทางให้

การคมนาคม ระยะทางจากแยกถนน รพช. บ้านโคกตาล - บ้านไพรพัฒนา (บริเวณแยกบ้านโนนจำปา) ประมาณ กม. เป็นถนนลูกรังสลับกับมีหินโผล่ ค่อนข้างขรุขระและลำบาก ประมาณ 14 กิโลเมตร และเดินทางต่ออีกประมาณ 3 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวผู้สนใจสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าไปเที่ยวชมได้ โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาเป็นผู้นำทางให้



เกาะกลางน้ำศรีสะเกษ

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ เกาะกลางน้ำศรีสะเกษ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย



                                          เกาะกลางน้ำศรีสะเกษ 



เดิมสถานที่นี้เป็นป่าละเมาะและทุ่งนา เทศบาลเมืองศรีสะเกษได้พัฒนาเพื่อสร้างเป็น ศูนย์ประสานการท่องเที่ยวอีสานใต้ พัฒนาให้เป็นอ่างเก็บน้ำห้วยนำคำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนออกกำลังกายและกิจกรรมทางน้ำของประชาชน เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์แสดงพันธ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์แสดงประวัติศาสตร์
ที่ตั้ง ถ.เลี่ยง อ.เมืองศรีสะเกษ, ศรีสะเกษ 33000

สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) เทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้จัดสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ขึ้น บนเกาะกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมุ่งหวังให้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่จัดงานลอยกระทงและงานรื่นเริงอื่นๆ รวมถึงการเป็นศูนย์การจัดประชุมและนิทรรศการ




ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ เราไปชมกันเล๊ยยยยยย



ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์



ตั้งอยู่ที่บ้านบก หมู่ที่ 1 ตำบลหนองหญ้าลาด การเดินทาง เริ่มจากตัวจังหวัดศรีสะเกษถึงอำเภอกันทรลักษ์ ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร บริเวณสี่แยกทางไป เขาพระวิหาร จะมองเห็นศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 มีนาคมพ.ศ. 2542 และก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยประกอบพิธีอัญเชิญหลักเมืองมาประดิษฐาน เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2548 ศาลหลักเมืองนี้ มีชื่อว่า "เจ้าพ่อศรีศักดิ์หลักเมือง" เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่สักการะของประชาชน มีความสวยงาม เด่นเป็นสง่า คู่บ้านคู่เมืองอำเภอกันทรลักษ์ สามารถเที่ยวชมและกราบไหว้สักการะได้ตลอดปี และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกายด้วย 




ช่องสะงํา

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ ช่องสะงํา เราไปชมกันเล๊ยยยยยย



ช่องสะงํา



จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เป็นจุดผ่านแดนถาวรของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เชื่อมต่อกับช่องจวม อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2546

เส้นทางช่องสะงำ เป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางไปผ่านไปยังนครวัด-นครธม ด้วยระยะทางเพียง 135 กิโลเมตร นับเป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางได้สะดวก และเดินทางไปกลับได้ในวันเดียว

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา จังหวัดศรีสะเกษ ได้ดำเนินการก่อสร้างเมืองใหม่ขึ้นบริเวณห่างจากด่านพรมแดน ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยใช้ชื่อว่า "เมืองใหม่ช่องสะงำ" เพื่อรองรับการขยายตัวของการค้าชายแดนในพื้นที่ดังกล่าว แต่เนื่องจากชายแดนบริเวณใกล้เคียงมีการปะทะกันบ่อยครั้ง ส่งผลให้ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ ยังไม่สามารถเปิดทำการได้จนปัจจุบัน

เมืองใหม่ช่องสะงำ ประกอบด้วยอาคารส่วนราชการ อาคารพาณิชย์ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสาธารณูปโภคต่างๆ อีกทั้งยังได้มีการประกาศจัดตั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำแล้ว ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2553



ปราสาทโดนตวล

สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ เราแนะนำสถานที่นี้ 

นั่นก็คือ ปราสาทโดนตวล เราไปชมกันเล๊ยยยยยย

                                                   ปราสาทโดนตวล 



ปราสาทโดนตวล ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิซรอล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากหมู่บ้าน 8 กิโลเมตร ห่างจากตัวอำเภอกันทรลักษ์ 38 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางที่แยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2243 กม.98 ระยะทาง 4 กิโลเมตร เป็นปราสาทที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณชายแดนของประเทศไทย ห่างจากผามออีแดงเพียง 300 เมตร

ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทขอมโบราณขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง บนเทือกเขาพนมดงรัก บริเวณใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วยปรางค์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ก่อด้วยอิฐ ซุ้มประตูก่อด้วยศิลา และมีรูปสิงโตจำหลักอยู่หน้าปราสาท

ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก บริเวณหน้าปราสาทมีถนนปูด้วยหินขนาดเล็ก กว้าง 6 เมตร มีเสาหิน 2 คู่ สูง 3 เมตร อยู่ห่างกันราว 250 เซนติเมตร ซุ้มประตูทางเข้าปราสาทมีรูปสิงห์โตจำหลักตั้งอยู่บนแท่นข้างละ 1 ตัว ตัวปราสาทประกอบด้วยซุ้มประตู และปรางค์ 2 องค์ ซุ้มประตูมีจำนวน 3 ประตำ ก่อด้วยศิลา ประตูกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด กว้าง 1 เมตร สูง 2.5 เมตร ประตูเล็กซ้ายขวา กว้าง 70 เซนติเมตร สูง 1.8 เมตร กรอบประตูและศิลาทับหลังไม่ได้จำหลักลวดลาย

ปรางค์องค์หน้าอยู่ถัดจากซุ้มประตูเข้าไปประมาณ 1 เมตร หักพังจนมีสภาพเป็นกองอิฐทับถมกันอยู่ ปรางค์องค์ในอยู่ห่างจากปรางค์องค์แรกประมาณ 1 เมตร ก่อด้วยอิฐและศิลาแลงฐานทำเป็น 4 ชั้น กว้างด้านละ 6 เมตร สูง 26 เมตร ตัวปรางค์มีประตูเข้าออกทางด้านหน้า 1 ประตู กว้าง 1 เมตรสูง 2 เมตร คูหาปรางค์มีเนื้อที่ 3.7 x 3 เมตร ลักษณะของปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมสลับซับซ้อนลดหลั่นกันไปจนถึงยอด ห่างจากปราสาทประมาณ 10 เส้น มีสระน้ำขนาดใหญ่กว้างด้านละ 80 เมตร มีร่องระบายน้ำจากยอดเขาลงมาสู่สระร่องน้ำลึกประมาณ 2 เมตร

ประวัติศาสตร์ยังไม่มีปรากฏแน่ชัด แต่สันนิษฐานได้จากการที่กรมศิลปากรบันทึกไว้ว่าที่ช่องตาเฒ่า ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการสำรวจพบ "เทวรูปทำด้วยหิน 1 องค์ สูง 2 ศอก กว้าง 1 คืบเศษนั่งแท่นหินที่แท่นมีจารึกอักษร" โบราณสถานช่องตาเฒ่าที่กรมศิลปากรได้บันทึก คือ ปรางค์ศิลาโดนตวล สำหรับอายุของปราค์ศิลาแห่งนี้คงอยู่ราว พ.ศ. 1500 - พ.ศ. 1650